รักษาฝ้า
รักษาฝ้า ให้จางลงอย่างปลอดภัย ไม่ใช่แค่เรื่องของความสวยงาม แต่คือการดูแลสุขภาพผิวและความมั่นใจให้กับตัวเองอย่างปลอดภัยและถูกวิธี หลายคนพยายามรักษาฝ้าตามคำบอกเล่า หรือสูตรลับจากอินเทอร์เน็ต ซึ่งอาจทำให้ฝ้าเข้มขึ้นโดยไม่รู้ตัว หากปล่อยไว้นานโดยไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง อาจทำให้ฝ้าฝังลึกและรักษายากขึ้น
เลือกอ่านหัวข้อเกี่ยวกับการรักษาฝ้า
รู้จัก ฝ้า คืออะไร
ฝ้า (Melasma) คือรอยคล้ำบนผิวหนังที่เกิดขึ้นเป็นจุดหรือปื้น ซึ่งมักพบบ่อยบนใบหน้า โดยเฉพาะบริเวณ แก้ม หน้าผาก จมูก และเหนือริมฝีปาก ซึ่งเกิดจากการที่เซลล์สร้างเม็ดสี (Melanocyte) ผลิตเม็ดสีเมลานินมากกว่าปกติ ทำให้สีผิวบริเวณนั้นเข้มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ประเภทของฝ้าที่พบโดยทั่วไป
- ฝ้าแดด
เกิดจากการถูกแสงแดดหรือรังสี UV ทำร้ายผิว ทำให้เซลล์สร้างเม็ดสีทำงานผิดปกติ ส่งผลให้เกิดจุดสีคล้ำบนผิวบริเวณที่โดนแดดบ่อย เช่น ใบหน้า แขน หรือหลังมือ ฝ้าแดดมักจะเป็นฝ้าตื้นและสามารถป้องกันได้ด้วยการทาครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอ
- ฝ้าตื้น
เป็นฝ้าที่เม็ดสีเมลานินสะสมอยู่ในชั้นหนังกำพร้า ซึ่งเป็นผิวหนังชั้นบนสุด ฝ้าตื้นมีสีเข้มชัดเจน ขอบเขตชัด สามารถรักษาให้จางลงได้ง่ายกว่าประเภทอื่น ๆ ด้วยการใช้ยารักษาฝ้าและเลเซอร์บางชนิด
- ฝ้าลึก
เม็ดสีสะสมอยู่ลึกในชั้นหนังแท้ ทำให้ฝ้ามีสีคล้ำอมเทาหรือสีน้ำเงิน และขอบฝ้าไม่ชัดเจน รักษายากกว่าฝ้าตื้น ต้องใช้วิธีรักษาที่ต่อเนื่องและใช้เลเซอร์ที่ออกแบบมาเพื่อฝ้าลึกโดยเฉพาะ
- ฝ้าเส้นเลือด
เกิดจากการขยายตัวของเส้นเลือดใต้ผิวหนัง ทำให้ผิวบริเวณนั้นมีสีแดงหรือม่วงคล้ายฝ้า แต่ไม่ใช่ฝ้าจริง ๆ ต้องแยกวินิจฉัยให้ถูกต้อง เพราะวิธีรักษาจะแตกต่างกัน
- ฝ้าฮอร์โมน
เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกาย เช่น ในหญิงตั้งครรภ์ หรือผู้ใช้ยาคุมกำเนิด ฝ้าฮอร์โมนมักเป็นฝ้าตื้นที่มีลักษณะกระจายเป็นแพกว้าง บริเวณแก้ม หน้าผาก และเหนือริมฝีปาก
- ฝ้าผสม
คือฝ้าที่เกิดจากการรวมฝ้าตื้นและฝ้าลึกในบริเวณเดียวกัน ทำให้มีทั้งส่วนที่สีเข้มชัดและส่วนที่สีคล้ำอมเทา ซึ่งทำให้การรักษาทำได้ยากและต้องใช้วิธีหลากหลายร่วมกันเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
บริเวณที่มักจะเกิดฝ้า
ฝ้ามักจะปรากฏในบริเวณของใบหน้าที่มีการสัมผัสกับแสงแดดเป็นประจำ เนื่องจากเป็นปัจจัยกระตุ้นหลักสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริเวณเหล่านี้
- หน้าผาก
- โหนกแก้ม
- เหนือริมฝีปาก
- จมูก
- คาง
- คอ
- แขนและมือ
สาเหตุของการเกิดฝ้ามีอะไรบ้าง
- แสงแดดและรังสี UV
รังสีอัลตราไวโอเลตจากแสงแดดเป็นสาเหตุสำคัญที่กระตุ้นการทำงานของเซลล์เม็ดสี ทำให้ฝ้าเข้มขึ้นหรือเกิดขึ้นใหม่ได้ง่าย - ฮอร์โมนในร่างกาย
การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน เช่น ในหญิงตั้งครรภ์ ผู้ที่ใช้ยาคุมกำเนิด หรือวัยทอง มีผลทำให้เกิดฝ้าฮอร์โมนได้มากขึ้น - พันธุกรรม
คนที่มีประวัติครอบครัวเป็นฝ้ามักมีความเสี่ยงสูงกว่าคนทั่วไป เนื่องจากโครงสร้างผิวและการทำงานของเซลล์สร้างเม็ดสีอาจมีความไวต่อปัจจัยกระตุ้นต่าง ๆ - การใช้ยาหรือผลิตภัณฑ์บางชนิด
บางยาที่มีผลต่อฮอร์โมน หรือผลิตภัณฑ์ที่ทำให้ผิวไวต่อแสง อาจทำให้ฝ้าเกิดหรือแย่ลงได้ - ปัจจัยแวดล้อมอื่น ๆ
ความเครียด มลภาวะ หรือการระคายเคืองผิวก็อาจเป็นตัวกระตุ้นให้ฝ้าเกิดหรือขยายตัวมากขึ้น
วิธีรักษาฝ้า
รักษาฝ้าด้วยเลเซอร์
การรักษาฝ้าด้วยเลเซอร์ เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง เพราะสามารถจัดการกับเม็ดสีที่ผิดปกติได้อย่างแม่นยำ เลเซอร์จะทำงานโดยตรงกับจุดที่มีการสะสมเมลานินมากผิดปกติในชั้นผิว จึงช่วยให้ฝ้าค่อย ๆ จางลงอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเลเซอร์ที่นิยมใช้ในการรักษาฝ้า ได้แก่
- Q-Switched Nd:YAG Laser
เลเซอร์ความถี่สูงที่สามารถเจาะลึกถึงชั้นผิวหนังโดยไม่ทำลายผิวชั้นบน เหมาะสำหรับฝ้าตื้นและฝ้าลึก ช่วยสลายเม็ดสีเมลานินได้อย่างตรงจุด โดยเฉพาะสีคล้ำที่ฝังอยู่ในผิว ผลข้างเคียงน้อย ฟื้นตัวเร็ว
- Pico Laser (Picosecond Laser)
เทคโนโลยีเลเซอร์รุ่นใหม่ที่ปล่อยพลังงานเป็นช่วงเวลาสั้นระดับ “Picosecond” ทำให้เม็ดสีแตกตัวละเอียดกว่าเลเซอร์ทั่วไป เหมาะสำหรับรักษาฝ้า กระ จุดด่างดำ และรอยสิว พร้อมกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ผิวจึงดูเรียบเนียนและกระจ่างใสขึ้น
- Dual Yellow Laser
เลเซอร์ที่รวมพลังงานแสงสีเหลืองและเขียว เหมาะสำหรับฝ้าที่มีส่วนผสมของเส้นเลือด หรือฝ้าที่เกิดร่วมกับการอักเสบ ให้ผลดีในฝ้าเลือด และช่วยลดรอยแดง พร้อมลดการอักเสบของผิว
- Fractional Laser
เลเซอร์ที่ยิงพลังงานเป็นจุดเล็ก ๆ บนผิว เพื่อกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวและสร้างเซลล์ผิวใหม่ เหมาะสำหรับผู้ที่มีฝ้าร่วมกับปัญหารูขุมขนกว้างหรือผิวไม่เรียบ ทั้งยังช่วยฟื้นฟูผิวโดยรวมให้แข็งแรงขึ้นในระยะยาว
หลังรักษาฝ้าด้วยเลเซอร์
หลังทำเลเซอร์ผิวอาจมีอาการแดงหรือบวมเล็กน้อยในบริเวณที่รับการรักษา ซึ่งเป็นปฏิกิริยาปกติของผิว และจะค่อย ๆ ดีขึ้นภายใน 1-2 สัปดาห์ คนไข้ควรหลีกเลี่ยงการโดนแสงแดดโดยตรง ใช้ครีมกันแดดอย่างเคร่งครัด และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ เพื่อป้องกันการระคายเคืองหรือผลข้างเคียง
หลังรักษาฝ้าด้วยเลเซอร์จะกลับมาเป็นอีกไหม
แม้เลเซอร์จะช่วยลดฝ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ฝ้าก็มีโอกาสกลับมาเกิดใหม่ได้ โดยเฉพาะหากยังมีปัจจัยกระตุ้น เช่น แสงแดด ฮอร์โมน หรือความเครียด ดังนั้นการดูแลผิวหลังรักษาอย่างต่อเนื่อง การทาครีมกันแดด และปรับพฤติกรรมเป็นสิ่งสำคัญในการลดโอกาสฝ้ากลับมา
คำแนะนำจากแพทย์ในการป้องกันฝ้า
- หลีกเลี่ยงแสงแดดจัด: พยายามหลีกเลี่ยงการอยู่กลางแดดโดยตรง เพราะแสงแดดเป็นตัวกระตุ้นหลักที่ทำให้ฝ้าเข้มขึ้น
- ทาครีมกันแดดทุกวัน: เลือกครีมกันแดดที่มีค่า SPF 50 ขึ้นไป และมีการป้องกันรังสี UVA (PA++++) และควรทาซ้ำทุก 2 ชั่วโมงเมื่ออยู่กลางแจ้ง
- ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่เหมาะสม: หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่ทำให้ผิวระคายเคือง หรือมีส่วนผสมของสารที่อาจกระตุ้นการเกิดฝ้า เช่น สารไวท์เทนนิ่งบางชนิด
- ดูแลสุขภาพและลดความเครียด: ความเครียดและสุขภาพโดยรวมมีผลต่อการเกิดฝ้า การพักผ่อนให้เพียงพอและดูแลตัวเองจะช่วยลดโอกาสฝ้ากลับมาได
- ปรึกษาแพทย์ผิวหนังเมื่อเริ่มมีฝ้า: อย่ารอให้ฝ้าหนักขึ้น ควรพบแพทย์เพื่อวางแผนการรักษาอย่างเหมาะสมและปลอดภัย
ข้อพิจารณาการเลือกรักษาฝ้า ที่ไหนดี มีอะไรบ้าง
- การรักษาโดยแพทย์ผิวหนังหรือแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
ควรเลือกสถานพยาบาลที่มีทีมแพทย์จริง มีใบรับรองและสามารถตรวจสอบได้ - เครื่องมือและเทคโนโลยีที่ได้มาตรฐาน
คลินิกที่มีเครื่องมือทันสมัย เช่น เลเซอร์เฉพาะทางสำหรับรักษาฝ้าโดยตรง จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการลดฝ้า และลดผลข้างเคียง - ผลิตภัณฑ์และยาเวชสำอางที่ปลอดภัย
ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ควรผ่าน อย. ไม่มีสารอันตราย เช่น สเตียรอยด์ ปรอท หรือไฮโดรควิโนนในความเข้มข้นที่เกินมาตรฐาน - รีวิวจากผู้ใช้จริง และผลลัพธ์ที่ตรวจสอบได้
การมีผลลัพธ์ก่อน-หลัง และรีวิวจากผู้ใช้จริง จะช่วยสร้างความมั่นใจในการตัดสินใจรักษา - การติดตามผลหลังการรักษา
ควรมีการนัดติดตามและให้คำแนะนำต่อเนื่อง เพื่อให้ฝ้าจางลงอย่างปลอดภัย และลดโอกาสการกลับมาเป็นซ้ำ

ทำไมต้องรักษาฝ้า ที่ลลิษาคลินิก
การตัดสินใจเลือกรักษาฝ้าที่ไหนเป็นสิ่งสำคัญ เพราะฝ้าเป็นปัญหาผิวที่ซับซ้อนและต้องการการดูแลจากผู้เชี่ยวชาญ
- ตรวจประเมินโดยแพทย์จริงทุกครั้ง วิเคราะห์ปัญหาฝ้าแบบรายบุคคล เพื่อออกแบบการรักษาอย่างแม่นยำ
- ทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ มีประสบการณ์ด้านผิวหนังโดยเฉพาะ มากกว่า 10 ปี
- ใช้เทคโนโลยีเลเซอร์ทันสมัย ใช้เลเซอร์หลากหลายชนิด เช่น Pico Laser และ Q-Switched Nd:YAG Laser ที่มีประสิทธิภาพ
- ปลอดภัย ทุกขั้นตอนอยู่ภายใต้มาตรฐานทางการแพทย์ พร้อมคำแนะนำในการดูแลหลังรักษาเพื่อป้องกันฝ้ากลับมา
- มีการดูแลหลังการรักษาอย่างต่อเนื่อง ให้คำแนะนำเรื่องการดูแลผิวและการป้องกันการเกิดฝ้าใหม่
- คนไข้จริง รีวิวจริง ด้วยผลลัพธ์ที่ตรวจสอบได้ ทำให้คนไข้มั่นใจและบอกต่อ
- ราคาคุ้มค่า การรักษาฝ้าที่ดี ไม่จำเป็นต้องแพงเกินเอื้อม แพทย์จะพิจารณาทางเลือกการรักษาที่เหมาะสมกับงบประมาณและความต้องการของคนไข้ เพื่อให้ได้รับผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในราคาที่สมเหตุสมผล
รักษาฝ้า ราคาเท่าไหร่
ค่ารักษาฝ้าโดยทั่วไปอยู่ที่ 1,500–5,000 บาท/ครั้ง หรืออาจมากกว่านั้น ขึ้นอยู่กับวิธีการที่ใช้รักษา ที่ ลลิษาคลินิก ราคารักษาฝ้าโดยแพทย์เฉพาะทาง เริ่มต้นที่ 990 บาท/ครั้ง

รีวิว รักษาฝ้า
ค่ารักษาฝ้าโดยทั่วไปอยู่ที่ 1,500–5,000 บาท/ครั้ง หรืออาจมากกว่านั้น ขึ้นอยู่กับวิธีการที่ใช้รักษา ที่ ลลิษาคลินิก ราคารักษาฝ้าโดยแพทย์เฉพาะทาง เริ่มต้นที่ 990 บาท/ครั้ง
คำถามที่พบเกี่ยวกับรักษาฝ้า
รักษาฝ้าใช้เวลานานแค่ไหน
ระยะเวลาในการรักษาฝ้าขึ้นอยู่กับความรุนแรงและวิธีที่ใช้ เช่น ครีม เลเซอร์ หรือทรีตเมนต์ โดยทั่วไปหากดูแลต่อเนื่องและป้องกันแดดอย่างเคร่งครัด จะเริ่มเห็นผลชัดใน ประมาณ 3–6 เดือน
ใช้ครีมรักษาฝ้าแค่ไหนจึงจะเห็นผล
ถ้าใช้ครีมอย่างสม่ำเสมอ วันละ 1–2 ครั้ง จะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงใน 4–8 สัปดาห์ ทั้งนี้ผลลัพธ์อาจเร็วหรือช้าขึ้นอยู่กับความรุนแรงของฝ้าและสภาพผิวของแต่ละคน
ฝ้าอันตรายไหม
ฝ้าไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพและร่างกายของเรา เป็นเพียงความผิดปกติของเม็ดสีผิวที่ทำให้เกิดรอยดำหรือรอยคล้ำบนใบหน้า แต่หากปล่อยไว้นานก็อาจลุกลามและรักษาได้ยากขึ้น
เลเซอร์ฝ้าเจ็บไหม
เลเซอร์ฝ้าอาจรู้สึกจี๊ด ๆ เล็กน้อยคล้ายโดนหนังยางผิวระหว่างทำ แต่หากกังวลเรื่องความเจ็บ สามารถใช้เครื่องเป่าลมเย็น ประคบเย็น หรือแปะยาชาเพื่อบรรเทาอาการเจ็บปวดได้
รักษาฝ้าด้วยตัวเองได้ไหม
สามารถเริ่มดูแลฝ้าเบื้องต้นด้วยตัวเองได้ โดยเลือกใช้ครีมที่มีส่วนผสมอย่าง กรดโคจิก วิตามินซี หรือ AHA ร่วมกับการทาครีมกันแดดเป็นประจำทุกวัน แต่หากใช้ต่อเนื่องแล้ว ฝ้าไม่จางลงภายใน 2–3 เดือน แนะนำให้พบแพทย์ผิวหนัง เพื่อวางแผนการรักษาอย่างตรงจุดมากขึ้น
รักษาฝ้าให้หายขาดได้หรือไม่
ปัจจุบันยังไม่มีวิธีรักษาฝ้าให้หายขาด 100% แต่สามารถควบคุมให้จางลงและไม่กลับมาเข้มขึ้นได้
รักษาฝ้าด้วยวาสลีนได้ไหม
ไม่ได้ และเป็นความเชื่อที่ผิด เพราะวาสลีนไม่มีสารที่ช่วยลดการสร้างเม็ดสีผิว แต่สามารถใช้วาสลีนควบคู่เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวได้ ซึ่งอาจทำให้สภาพผิวโดยรวมดีขึ้น