รักษาสิว ลดการเกิดใหม่ของสิว

รักษาสิว acne treatment

รักษาสิว

รักษาสิว อย่างตรงจุดและมีประสิทธิภาพ บอกลาสิวซ้ำซากด้วย Acne Clear โปรแกรมรักษาสิวแบบครบวงจร ที่ออกแบบมาเพื่อจัดการทุกปัญหาสิว ไม่ว่าจะเป็นสิวอักเสบ สิวอุดตัน หรือรอยแดงจากสิว พร้อมแล้วหรือยังที่จะเริ่มต้นดูแลผิว เพื่อเผยผิวหน้าที่เรียบเนียน สดใส และแข็งแรงอีกครั้ง?

เลือกอ่านหัวข้อเกี่ยวกับการรักษาสิว

วงจรสิว

รู้จักสิว

สิว คือ ภาวะผิดปกติของรูขุมขนและต่อมไขมัน ที่มีการอุดตันหรืออักเสบได้จากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นความมันส่วนเกิน เซลล์ผิวเก่า สิ่งสกปรก ไปจนถึงเชื้อแบคทีเรีย หากไม่ได้รับการดูแลรักษาอย่างถูกต้อง สิวอาจส่งผลให้ มีรอยแดง รอยดำ ไปจนถึงแผลเป็น และส่งผลโดยตรงต่อความมั่นใจ

ประเภทของสิว

สิวแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลักๆ คือ

1.สิวไม่อักเสบ

สิวไม่อักเสบ (Non-inflammatory Acne) คือสิวที่เกิดจากการสะสมของเซลล์ผิวที่ตายแล้วและไขมัน (Sebum) โดยยังไม่มีการติดเชื้อแบคทีเรียหรือการอักเสบ เช่น สิวหัวขาว, สิวหัวดำ, สิวผด, สิวเสี้ยน
 

2.สิวอักเสบ

สิวอักเสบ (Inflammatory Acne) คือสิวที่มีอาการบวมแดง เจ็บปวด บางครั้งอาจมีหนองอยู่ภายใน เป็นผลมาจากการติดเชื้อแบคทีเรีย P.acnes ที่เติบโตในรูขุมขนที่อุดตัน ทำให้เกิดการอักเสบขึ้นใต้ผิวหนัง เช่น สิวหัวหนอง, สิวหัวช้าง, สิวซีสต์

สาเหตุสิว เกิดจากอะไรบ้าง

สิว ไม่ได้เกิดจากความสกปรกเพียงอย่างเดียว แต่มีหลายปัจจัยร่วมกัน ทั้งปัจจัยจากภายในและภายนอกร่างกาย ซึ่งนำไปสู่การอุดตันและอักเสบของรูขุมขน โดยแบ่งออกเป็น 2 ปัจจัยหลัก ๆ ดังนี้

  • ปัจจัยภายในร่างกาย คือ ปัจจัยที่เกิดจากระบบภายในของร่างกายที่ส่งผลต่อการเกิดสิว ได้แก่ ฮอร์โมน พันธุกรรม ความเครียด การทำงานของต่อมไขมัน และการผลัดเซลล์ผิวที่ผิดปกติ ภูมิคุ้มกัน หรือระบบในร่างกายแปรปรวน
  • ปัจจัยภายนอกร่างกาย คือ สิ่งกระตุ้นจากภายนอกหรือพฤติกรรมในชีวิตประจำวันที่มีผลต่อผิวหนังและกระตุ้นการเกิดสิว ได้แก่ สภาพแวดล้อม แสงแดด เครื่องสำอางหรือผลิตภัณฑ์ดูแลผิว ยา อาหารและไลฟ์สไตล์

รักษาสิว มีวิธีอะไรบ้าง 

ตรวจเชื้อสิว

ตรวจเชื้อสิว

การตรวจเชื้อสิวเป็นขั้นตอนสำคัญในการระบุชนิดของเชื้อแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดสิว โดยเฉพาะในกรณีสิวอักเสบเรื้อรังหรือสิวที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาเบื้องต้น การตรวจเชื้อจะช่วยให้แพทย์เลือกใช้ยาปฏิชีวนะหรือแนวทางการรักษาที่เหมาะสม ตรงจุด และมีประสิทธิภาพมากขึ้น
 
กดสิว

กดสิว

กรณีที่คนไข้เป็นสิวที่เป็นหัวขาวหรือหัวดำ เราสามารถใช้วิธีกดสิวเพื่อช่วยเอาหัวสิวออกจากรูขุมขนอย่างถูกวิธีโดยผู้เชี่ยวชาญ การกดสิวที่ถูกต้องจะช่วยลดการอุดตัน ป้องกันไม่ให้สิวพัฒนาเป็นสิวอักเสบ และช่วยให้ผิวเรียบเนียนขึ้น แต่ถ้ากดไม่ถูกวิธี อาจทำให้ผิวอักเสบ หรือเกิดแผลเป็นได้
 
ฉีดสิว

ฉีดสิว

การฉีดสิวเป็นการรักษาเฉพาะจุดสำหรับสิวอักเสบขนาดใหญ่ เช่น สิวหัวช้าง หรือสิวซีสต์ โดยแพทย์จะฉีดสเตียรอยด์เข้าไปตรงหัวสิว เพื่อลดการอักเสบ บวมแดง และความเจ็บปวดอย่างรวดเร็ว วิธีนี้ช่วยให้สิวยุบตัวเร็วภายใน 24-48 ชั่วโมง และลดโอกาสเกิดรอยแผลเป็น
 
ฉายแสงรักษาสิว

ฉายแสงรักษาสิว

อีกหนึ่งวิธีที่กำลังนิยม คือการฉายแสงรักษาสิว โดยแสงสีฟ้าช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรีย P.acnes ซึ่งเป็นต้นเหตุของสิว ส่วนแสงสีแดงช่วยลดการอักเสบและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้รอยแดงและรอยสิวจางลง เป็นวิธีที่ไม่เจ็บและแทบไม่มีผลข้างเคียงรุนแรง เหมาะกับคนที่ไม่ชอบทายาหรือกินยา
 
เลเซอร์รักษาสิว

เลเซอร์รักษาสิว

เลเซอร์รักษาสิวเป็นเทคโนโลยีที่ใช้พลังงานแสงเพื่อจัดการปัญหาสิวในหลายมิติ เช่น เลเซอร์กลุ่ม Fractional CO2 หรือ Picosecond Laser ที่ช่วยลดการผลิตน้ำมัน ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ลดการอักเสบ และยังช่วยลดรอยแดง รอยดำ รวมทั้งปรับสภาพผิวให้เรียบเนียนขึ้นในครั้งเดียว
 
เลเซอร์รักษารอยสิว

เลเซอร์รักษารอยสิว

หลังจากสิวหายแล้ว ปัญหาที่หลายคนเจอคือ รอยแผลเป็น รอยแดง หรือรอยดำที่ยังคงหลงเหลืออยู่ ซึ่งมักทำให้หมดความมั่นใจได้ เลเซอร์รักษารอยสิวจึงเป็นทางเลือกที่ช่วยแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเลเซอร์แต่ละชนิดจะถูกเลือกใช้ตามลักษณะของรอย เช่น
 
  • เลเซอร์ V-Beam หรือ IPL เด่นในเรื่องการรักษารอยแดง
  • เลเซอร์ Picosecond หรือ Q-Switched จะช่วยลดรอยดำ ช่วยให้ผิวเรียบเนียน
  • เลเซอร์ Fractional CO2 หรือ Erbium YAG จะเน้นรักษาหลุมสิวและแผลเป็น
หมอรักษาสิว

รักษาสิวที่ไหนดี

ความเชี่ยวชาญของแพทย์

ควรเลือกคลินิกหรือโรงพยาบาล ที่มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง (Dermatologist) เป็นผู้ดูแล เพื่อให้สามารถตรวจสอบสาเหตุของสิวได้ถูกต้อง และออกแบบวิธีการรักษาได้ตรงตามปัญหา
 

เครื่องมือและเทคโนโลยีได้มาตรฐาน

สอบถามเกี่ยวกับเทคโนโลยีและเครื่องมือที่คลินิกมีให้บริการ เช่น เครื่องเลเซอร์ อุปกรณ์ฉายแสง หรือเทคนิคการกดสิว เพื่อให้มั่นใจว่าคลินิกมีเครื่องมือที่ทันสมัยและครอบคลุมการรักษาสิวหลากหลายรูปแบบ
 

ความหลากหลายของโปรแกรมและวิธีการรักษา 

คลินิกที่ดีควรมีโปรแกรมและวิธีการรักษาสิวที่หลากหลาย ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงวิธีใดวิธีหนึ่ง เพื่อให้สามารถปรับแผนการรักษาให้เข้ากับปัญหาและความรุนแรงของสิวของแต่ละบุคคลได้อย่างยืดหยุ่น
 

รีวิวและความน่าเชื่อถือ

สามารถตรวจสอบได้จากรีวิวของผู้ใช้บริการจริง เช่น รูปก่อน–หลัง หรือความเห็นในโซเชียล เพื่อดูว่าหมอและคลินิกนั้น ๆ ไว้ใจได้หรือไม่
 

ราคาและค่าใช้จ่าย

ราคาค่าใช้จ่ายควรมีความสมเหตุสมผล โปร่งใส ไม่มีค่าใช้จ่ายแอบแฝง หากมีแพ็คเกจหรือโปรโมชั่น ก็ควรตรวจสอบเงื่อนไขให้ละเอียดก่อนตัดสินใจ
 

บริการและการดูแลหลังการรักษา

อีกข้อสำคัญคือ หากมีปัญหาอะไรตามมา เช่น สิวเห่ออีกหรือมีผลข้างเคียง ทางคลินิกมีระบบดูแลและให้คำปรึกษาหลังการรักษาหรือไม่
 

การเดินทางและความสะดวก

อีกข้อที่จะช่วยให้การรักษาสิวเป็นไปได้ต่อเนื่องและได้ผลดี คือ ความสะดวกในการเดินทาง หากคลินิกอยู่ใกล้บ้าน ที่ทำงาน หรือติดรถไฟฟ้า จะช่วยให้คนไข้สามารถไปพบแพทย์ได้ตามนัด ไม่เสียเวลาหรือค่าใช้จ่ายในการเดินทางอีกด้วย

รักษาสิว ที่คลินิก ราคาเท่าไหร่

โดยทั่วไปค่ารักษาสิวจะอยู่ที่ประมาณ 500 – 3,500 บาทต่อครั้ง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับวิธีรักษา และระดับความรุนแรงของสิว ที่ ลลิษาคลินิก มีโปรแกรม Acne Clear ที่รักษาสิวอย่างครบวงจรในราคาเพียง 1,500 บาท เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่คุ้มค่าและเห็นผลจริง ให้คุณได้เผยผิวใสอย่างมั่นใจ โดยไม่ต้องจ่ายแพง

ทำไมต้องรักษาสิว ด้วยโปรแกรม Acne clear ที่ลลิษาคลินิก

ที่ ลลิษาคลินิก เราเข้าใจถึงความกังวลและปัญหาของสิว ที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นใจในชีวิตประจำวัน เราจึงได้พัฒนาโปรแกรม Acne Clear ขึ้นมาโดยเฉพาะ เพื่อเป็นทางออกในการรักษาสิวอย่างครบวงจร

ด้วย 11 ขั้นตอนดูแล ที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ทุกปัญหาสิว ตั้งแต่การทำความสะอาด ผลัดเซลล์ผิว กดสิว ฉีดสิว ไปจนถึงบำรุงและป้องกัน โดยใช้เทคนิคและผลิตภัณฑ์สูตรเฉพาะ ที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับคนเป็นสิว ทำให้คนไข้มั่นใจได้เลยว่าจะเห็นผลลัพธ์อย่างชัดเจนแน่นอน พร้อมกลับมามีผิวสวยและความมั่นใจอีกครั้ง

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับรักษาสิว

รักษาสิวด้วยตนเองได้ไหม

สามารถทำได้ แต่ควรเป็นกรณีที่สิวไม่รุนแรงมาก โดยควรรักษาความสะอาดหน้า เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ระคายเคืองผิว หลีกเลี่ยงการจับหรือกดสิว และปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันให้ดีขึ้น เช่น พักผ่อนให้เพียงพอและกินอาหารที่มีประโยชน์ สิวก็สามารถหายเองได้

หากสิวเห่อขึ้นเต็มหน้า อย่าแกะ อย่าบีบ เพื่อป้องกันการอักเสบและรอยแผลเป็น ล้างหน้าให้สะอาด และใช้ยาทาหรือยารับประทานตามแพทย์สั่ง หากสิวไม่ดีขึ้นภายใน 2–4 สัปดาห์ ควรรีบปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพื่อหาวิธีการรักษาที่เหมาะสม

วิธีการลดสิวที่เร็วที่สุด คือ การกดสิว และการฉีดสิว ขึ้นอยู่กับประเภทของสิว โดยควรเข้ารับการรักษาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อความปลอดภัย

การกดสิวกับการฉีดสิวเป็นวิธีที่สามารถกำจัดสิวได้อย่างรวดเร็วเหมือนกัน โดยอาจเลือกพิจารณาวิธีการรักษาจากประเภทของสิว โดยการกดสิวเหมาะกับสิวอุดตัน ในขณะที่การฉีดสิวเหมาะกับสิวอักเสบ